top of page
Writer's pictureNeti Natekuekool

The University of British Columbia (UBC)

Updated: Aug 5, 2020

->ข้อมูลทั่วไป

มหาวิทยาลัยบริติชโคลัมเบีย หรือ The University of British Columbia (UBC) เป็นมหาวิทยาลัยวิจัยของรัฐบาลที่เก่าแก่ที่สุดในรัฐบริติชโคลัมเบีย UBC ประกอบไปด้วย 2 วิทยาเขต คือ Vancouver campus ในเมืองแวนคูเวอร์ และ Okanagan campus ในเมืองเคโลวน่า โดยพื้นที่ของ Vancouver campus มีขนาดใหญ่กว่า และมีจำนวนนักศึกษามากกว่า Okanagan campus สำหรับด้านวิชาการนั้น UBC ถูกจัดว่าเป็นมหาวิทยาลัยอันดับที่ 45 ที่ดีที่สุดของโลกโดยอ้างอิงจาก QS World University Rankings 2021 และยังเป็นมหาวิทยาลัยที่ติด top 3 ของมหาวิทยาลัยในแคนาดามาเป็นเวลาต่อเนื่องกันหลายปีอีกด้วย และนอกเหนือจากความโดดเด่นทางด้านวิชาการแล้ว UBC ยังเป็นมหาวิทยาลัยที่มีนักศึกษาต่างชาติเข้าไปเรียนจำนวนมากเป็นอันดับต้น ๆ ของทวีปอเมริกาเหนือ เพราะฉะนั้นแล้ว ภายใต้ธรรมชาติที่อุดมสมบูรณ์และบรรยากาศที่สดชื่น อีกทั้งยังมีโอกาสได้พบเจอกับผู้คนจากทั่วทุกมุมของโลก UBC จึงเป็นสภาพแวดล้อมในการเรียนรู้ที่สมบูรณ์แบบและเป็นมหาวิทยาลัยในฝันของเด็กนักเรียนที่กำลังจะจบชั้นมัธยมศึกษาตอนปลายหลายคนทั่วโลก

->รายวิชาที่เปิดสอน

UBC มีคณะในสังกัดอยู่มากกว่า 20 คณะ ยกตัวอย่างเช่น - Faculty of Applied Science (Engineering) - School of Architecture - Faculty of Arts - Sauder School of Business - Faculty of Dentistry - Faculty of Education - Faculty of Forestry - School of Kinesiology - Faculty of Land and Food Systems - Peter A. Allard School of Law - Faculty of Medicine - School of Music - School of Nursing - Faculty of Science และยังมี specialization สำหรับระดับปริญญาตรีภายใต้แต่ละคณะอีกมากมาย ยกตัวอย่างเช่น

- Faculty of Applied Science: Biomedical Engineering, Chemical Engineering, Civil engineering, Electrical Engineering, Materials Engineering, Mechanical Engineering

- Faculty of Arts: Anthropology, Economics, Film Studies, Geography, History, Psychology, Sociology

- Faculty of Land and Food Systems: Dietetics, Food Science, Nutritional Science

- Faculty of Science: Biochemistry, Biology, Chemistry, Cognitive Systems, Data Science, Environmental Science, Mathematics, Microbiology and Immunology, Pharmacology, Physics

สามารถหาข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่ https://you.ubc.ca/programs/#mode=by-topic&viewMode=list


->ทุนการศึกษา

สำหรับทุนการศึกษาของเด็กต่างชาตินั้นถูกแบ่งออกเป็น 2 ประเภทหลัก ๆ คือ

1. International Scholars Program

เป็นทุนการศึกษาเต็มจำนวนที่ครอบคลุมทั้งค่าเทอม ค่ากินอยู่ และค่าเดินทาง โดยจะมอบให้กับนักศึกษาต่างชาติเพียงไม่กี่คนทั่วโลก ดังนั้นจึงมีการแข่งขันที่สูงมาก ประกอบด้วย 2 ทุน ดังนี้

1.1. Karen McKellin International Leader of Tomorrow Award

เป็นทุนการศึกษาที่จะให้เงินตามที่เราต้องการ โดยอ้างอิงจากสถานะทางการเงินของครอบครัว และคิดเป็นจำนวนเงินที่นักศึกษาต้องการสำหรับการเข้าศึกษาต่อที่ UBC มอบให้สำหรับนักศึกษาต่างชาติที่มีผลการเรียน ผลงาน ความสำเร็จ และรางวัลทางด้านวิชาการที่ดีเยี่ยม มีผลงานที่แสดงถึงความเป็นผู้นำและกิจกรรมที่เกี่ยวกับชุมชน และรวมถึงผลงานด้านอื่น ๆ เช่น กีฬา ดนตรี ศิลปะ ที่เป็นที่รู้จักกันอย่างกว้างขวางอีกด้วย

คุณสมบัติของผู้สมัคร

- ต้องเป็นนักเรียนในโรงเรียนที่ได้รับการยอมรับจากมหาวิทยาลัย เนื่องจากจำเป็นต้องสมัครผ่านการ

ที่ให้ทางโรงเรียนเสนอชื่อของนักเรียนที่เหมาะสมไปยังมหาวิทยาลัย ดังนั้นจึงอาจมีการคัดเลือก

ภายในโรงเรียนเพิ่มเติมด้วย

- ต้องคงสถานะเป็นนักเรียนต่างชาติที่ใช้วีซ่านักเรียนของประเทศแคนาดาในตลอดระยะเวลาที่ศึกษา

- ต้องมีผลการเรียนที่ดีมาก (สำหรับนักเรียนไทยคือ GPA 4.00)

- ต้องผ่าน requirements พื้นฐานของการสมัครเข้ามหาวิทยาลัย (รายละเอียดอยู่ที่ส่วนต่อไปของบทความ)

- ต้องเขียนเรียงความนอกเหนือจากการสมัครปกติตามโจทย์ที่ได้รับ

*Deadline สำหรับการยื่นใบสมัครพร้อมทุนประเภทนี้ (nomination package) คือวันที่ 1 ธันวาคมของทุก ๆ ปี

หมายเหตุ นักเรียนจากประเทศไทยมีโอกาสสมัครทุนการศึกษาเต็มจำนวนได้เพียงทุนนี้เท่านั้น

1.2. Donald A. Wehrung International Student Award

เป็นทุนการศึกษาที่จะให้เงินตามที่เราต้องการ โดยอ้างอิงจากสถานะทางการเงินของครอบครัว และคิดเป็นจำนวนเงินที่นักศึกษาต้องการสำหรับการเข้าศึกษาต่อที่ UBC มอบให้นักศึกษาจากประเทศที่ขาดแคลนและเสียหายจากสงคราม สามารถทำผลการเรียนที่ดีภายใต้สถานการณ์ที่ยากลำบาก และจะไม่สามารถเข้าศึกษาระดับมหาวิทยาลัยได้ถ้าหากขาดทุนสนับสนุน ซึ่งประเทศไทยไม่ถือเป็นประเทศที่เข้าข่ายประเทศกลุ่มนี้ นักเรียนจากประเทศไทยจึงไม่สามารถทำการสมัครทุนการศึกษาประเภทนี้ได้


2. Merit-based Awards

เป็นทุนการศึกษาบางส่วนที่จะถูกนำไปลดในส่วนของราคาค่าเทอม โดยจะถูกพิจารณาอัตโนมัติหลังจากที่ได้รับผลการตอบรับการเข้าศึกษา ส่วนจำนวนเงินที่จะได้รับนั้นขึ้นอยู่กับปริมาณเงินทุนของมหาวิทยาลัยในแต่ละปี ประกอบด้วย 2 ทุน ดังนี้

2.1. International Major Entrance Scholarships (IMES)

เป็นทุนการศึกษาที่ให้สำหรับนักเรียนที่มีผลการเรียนและผลงานทางด้านการศึกษาที่ดีมาก และทำกิจกรรมนอกห้องเรียนรวมถึงการมีส่วนร่วมกับชุมชนในระดับที่น่าประทับใจ โดยทุนนี้จะถูกแบ่งจ่ายออกเป็น 4 ปี สำหรับค่าเทอมทั้ง 4 ปีที่ศึกษาระดับชั้นปริญญาตรีที่ UBC

คุณสมบัติของผู้สมัคร

- ต้องมีผลการเรียนที่ดี และกิจกรรมนอกห้องเรียนที่โดดเด่น

- ต้องคงสถานะเป็นนักเรียนต่างชาติที่ใช้วีซ่านักเรียนของประเทศแคนาดาในตลอดระยะเวลาที่ศึกษา

- ต้องไม่ถูกเสนอชื่อเพื่อสมัครทุนการศึกษาใน International Scholars Program

2.2. Outstanding International Student Award (OIS)

เป็นทุนการศึกษาที่ให้สำหรับนักเรียนที่มีผลการเรียนและผลงานทางด้านการศึกษาที่ดี และทำกิจกรรมนอกห้องเรียนรวมถึงการมีส่วนร่วมกับชุมชนที่โดดเด่น โดยทุนนี้จะถูกให้เพียง 1 ครั้ง สำหรับค่าเทอมปีแรกที่ศึกษาระดับชั้นปริญญาตรีที่ UBC

คุณสมบัติของผู้สมัคร

- ต้องมีผลการเรียนที่ดี และกิจกรรมนอกห้องเรียนที่โดดเด่น

- ต้องคงสถานะเป็นนักเรียนต่างชาติที่ใช้วีซ่านักเรียนของประเทศแคนาดาในตลอดระยะเวลาที่ศึกษา

- ต้องไม่ถูกเสนอชื่อเพื่อสมัครทุนการศึกษาใน International Scholars Program

*Deadline สำหรับการสมัครทุน merit-based ทั้งสองประเภทคือวันที่ 15 มกราคมของทุก ๆ ปี ซึ่งเป็นวันเดียวกับ deadline ของการยื่นใบสมัครเข้ามหาวิทยาลัย

สามารถหาข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่ https://you.ubc.ca/financial-planning/scholarships-awards-international-students/


ช่วงเล่าประสบการณ์

สวัสดีครับ พี่ชื่อเนติ เนตรเกื้อกูล ชื่อเล่นชื่อแชมป์ครับ จบการศึกษาจากโรงเรียนกำเนิดวิทย์รุ่นที่ 3 ตอนนี้กำลังศึกษาระดับปริญญาตรีอยู่ที่ The University of British Columbia ในเมืองแวนคูเวอร์ ประเทศแคนาดา และได้รับทุน Outstanding International Student Award (OIS) จากทางมหาวิทยาลัยครับ


->ทำไมถึงต้องเลือก UBC

ส่วนตัวพี่แล้วปัจจัยหลักเลยคืออากาศ55555555 พี่เป็นคนชอบอยู่ในประเทศที่มีอากาศเย็น ๆ และอุณหภูมิที่แวนคูเวอร์เฉลี่ยอยู่ที่ประมาณ 13-17°C และอุณหภูมิต่ำสุดอยู่ที่ประมาณ 7°C ซึ่งไม่ได้หนาวมากสำหรับพี่ ปัจจัยอื่น ๆ ที่รองลงมาก็เป็นพวกธรรมชาติที่ดีมาก UBC เป็นมหาวิทยาลัยที่ถูกล้อมด้วยทะเลและภูเขา เป็นทัศนียภาพที่มองไปทางไหนก็จะรู้สึกปลอดโปร่ง มีกิจกรรมหลากหลายตามสภาพภูมิประเทศที่สามารถไปลองและใช้เพื่อผ่อนคลายได้ในเวลาว่าง ในส่วนของเรื่องวิชาการนั้น UBC ก็ถูกจัดว่าเป็นมหาวิทยาลัยที่ติด top 50 ของโลกมาหลายปี และโปรแกรมที่พี่สนใจคือ Geography หรือภูมิศาสตร์ของ UBC นั้นก็ถูกจัดอยู่ในอันดับ 7 ของโลกเลยด้วยครับ

อีกหนึ่งเหตุผลที่สำคัญที่พี่เลือก UBC เพราะว่าที่นี่เป็นมหาวิทยาลัยที่เปิดโอกาสให้เด็กมากจริง ๆ ขนาดที่ว่ามีโอกาสที่จะย้ายคณะหรือวิทยาเขตได้ถ้าเกิดคิดว่าสิ่งที่ตัวเองเลือกเรียนอยู่มันไม่ใช่ เท่าที่ได้รู้มาคือเขาพร้อมที่จะสนับสนุนเราเพื่อให้เราได้เรียนสิ่งที่เราอยากเรียน ลองทำสิ่งที่เราอยากทำ และเราสามารถเลือกเรียนรายวิชาที่ตนเองสนใจได้หลากหลายมากเพื่อเป็นการค้นหาตัวเองก็ยังได้


->การสมัคร

-ระยะเวลาเปิดรับสมัคร

โดยทั่วไปแล้ว UBC จะเปิดระบบรับสมัครประมาณช่วงกลางเดือนตุลาคมครับ ส่วน deadline สำหรับการสมัครทั่วไปจะเป็นวันที่ 15 มกราคม และสำหรับน้อง ๆ ที่ต้องการจะยื่นสมัครทุนเต็มก็จะเป็นวันที่ 1 ธันวาคม แต่เนื่องจากในปี 2563 นี้มี COVID-19 มาเกี่ยวข้องจึงแนะนำให้น้อง ๆ เช็คเว็บไซต์หลักของมหาลัยเผื่อมีโอกาสเปลี่ยนแปลงด้วยครับ


-เอกสารที่ใช้สำหรับการสมัคร

1. Interim official transcript in original language (ใบแสดงผลการเรียนระหว่างเทอมที่ออกโดยโรงเรียนฉบับภาษาไทย)


2. Certified English translation of an official transcript (ใบแสดงผลการเรียนระหว่างเทอมที่ออกโดยโรงเรียนฉบับภาษาอังกฤษ)

เพราะว่าในช่วงการรับสมัครนั้นน้อง ๆ น่าจะกำลังเรียนอยู่ม. 6 เทอม 2 ทาง UBC จึงขอแค่เกรด 5 เทอม (ม. 4 เทอม 1 จนถึงม. 6 เทอม 1) เพื่อใช้สำหรับการพิจารณาในการสมัครครับ

สำหรับการพิจารณาในการดูผลการเรียน ในแต่ละคณะที่น้องเลือกสมัครจะมี requirements ที่แตกต่างกัน หรือก็คือในแต่ละคณะจะมีการพิจารณาเกรดเฉพาะของรายวิชาที่เกี่ยวข้องกับคณะนั้น ๆ

ยกตัวอย่างเช่น Faculty of Applied Science (Engineering) หรือคณะวิศวกรรมศาสตร์นั้นจะดูเกรดวิชาคณิตศาสตร์ ฟิสิกส์ และเคมีเป็นหลักครับ การสมัครเข้าแต่ละคณะนั้นควรจะมีคะแนนเฉลี่ยรายวิชา 60% ขึ้นไป หรือก็คือเกรด 3 ของรายวิชา แต่ก็อย่าลืมนะครับว่าเกรด 3 ของรายวิชาเป็นเพียงขั้นต่ำเท่านั้น ทางที่ดีควรจะพยายามเก็บเกรดเฉลี่ยไว้ให้ได้สูง ๆ เพื่อที่จะเพิ่มโอกาสในการติดมหาวิทยาลัยครับ น้อง ๆ สามารถเข้าไปดู requirements ของคณะและโปรแกรมที่น้องสนใจได้ในเว็บไซต์ https://you.ubc.ca/programs/#mode=by-topic&viewMode=list&categories[]=1293 โดยเข้าไปในหน้าหลักของโปรแกรมที่น้องสนใจ เลื่อนลงมาในส่วนของ program requirements และเลือกประเทศไทยครับ


3. Personal Profile (เรียงความสำหรับการสมัคร)

ส่วนนี้พี่คิดว่าเป็นส่วนที่ท้าทายที่สุด เนื่องจากจะถูกคิดเป็นประมาณ 40% ของคะแนนในการสมัคร และเป็นสิ่งที่เราไม่ได้ทำกันบ่อย ๆ โดยน้องจะต้องเขียน essay เพื่อตอบโจทย์ที่มหาลัยกำหนดให้ ในแต่ละคณะที่สมัครอาจจะได้รับโจทย์ที่แตกต่างกัน ยกตัวอย่างโจทย์ที่พี่ได้รับเช่น

- Tell us about who you are. How would your family, friends, and/or members of your community describe you? If possible, please include something about yourself that you are most proud of and why.

- What is important to you? And why?

- Describe up to five activities that you have pursued or accomplishments achieved in one or more of the following areas. Please outline the nature of your responsibilities within these activities.

ในแต่ละโจทย์นั้นจะมีการกำหนดจำนวนคำที่สามารถใช้ได้แตกต่างกัน ส่วน deadline ก็คือพร้อมกับวันที่ส่งใบสมัคร สำหรับคนที่จะสมัครทุนเต็มก็จะมีเวลาเขียนส่วนนี้น้อยกว่าคนอื่นนิดหน่อย และจะได้รับโจทย์เพิ่มเติมสำหรับ nomination package อีกด้วย ยกตัวอย่างโจทย์เช่น

- Albert Einstein said “[a] table, a chair, a bowl of fruit and a violin; what else does [an individual] need to be happy?” Tell us what you need to be happy.

โดยทั่วไปแล้ว โจทย์ของการสมัครปกติจะไม่เปลี่ยนไปมากในแต่ละปี แต่โจทย์ของการสมัครทุนเต็มนั้นจะเปลี่ยนทุกปี


พี่แนะนำว่าให้ใช้เวลากับมันมาก ๆ ไม่ต้องรีบร้อน ใช้เวลาคิดทบทวนและสะท้อนความเป็นตัวเองลงไปใน essay ของน้องให้ได้มากที่สุด เนื่องจากการสมัครโดยทั่วไปจะไม่มีการรับ portfolio ที่เก็บผลงานของน้อง ยกเว้นบางคณะที่เขาขอ เพราะฉะนั้น essay จะเป็นสิ่งเดียวที่เราสามารถใส่พวกผลงานทางวิชาการหรือกิจกรรมอื่น ๆ ลงไปได้ พยายามอย่าเขียนแค่ว่าตัวเองทำอะไรมาบ้าง แต่ให้อธิบายออกมาว่าตัวเองได้อะไรมาบ้าง ก่อให้เกิดประโยชน์ต่อสังคมและส่วนรวมอย่างไร โจทย์อาจจะไม่ถามตรง ๆ ว่าน้องมีผลงานอะไรบ้าง ก็ให้พยายามแทรกเสริมลงไปกับแนวคิดของตัวเองในการตอบแต่ละโจทย์ ถ้าโจทย์ถามเรื่องที่มัน abstract มาก ๆ เช่นที่พี่ได้คือให้อธิบายว่าอะไรสำคัญกับตัวเอง เพราะอะไร ถ้าเป็นแนวนี้พี่แนะนำให้อย่าพยายามเขียนอะไรที่มันสวยหรู แต่ไม่ใช่สิ่งที่น้องคิดจริง ๆ เพราะว่ากรรมการที่อ่านเขามีประสบการณ์ในการรับสมัครเด็กมาทั่วโลก เขาดูออกว่าตรงไหนที่น้องเขียนขึ้นมาเพื่อให้มันดูดี แต่ไม่ใช่ตัวของน้องเองจริง ๆ ลองสลับกันอ่านกับของเพื่อน ๆ เพื่อช่วยกันอ่านดูและเอาไปปรับแก้ก็เป็นอีกหนึ่งวิธีที่ดีครับ


4. Proof of English proficiency (ผลการสอบวัดระดับทางภาษาอังกฤษ)

เนื่องจากการเรียนการสอนส่วนใหญ่ของ UBC จะเป็นภาษาอังกฤษ ดังนั้นแล้วทางมหาวิทยาลัยก็ต้องการที่จะยืนยันว่านักศึกษาที่สมัครเข้ามาจะสามารถเข้าใจและสื่อสารด้วยภาษาอังกฤษได้ โดยสามารถยืนยันได้ผ่านการสอบที่เป็นมาตรฐานและได้รับการยอมรับทั่วโลก การสอบที่เป็นที่รู้จักกันดีในประเทศไทยก็เช่น TOEFL-iBT หรือ IELTS และจะต้องทำคะแนนให้ได้ตามเกณฑ์ที่ทางมหาวิทยาลัยกำหนด เช่น ต้องมีคะแนน IELTS overall ไม่ต่ำกว่า 6.5 และมีคะแนนในแต่ละพาร์ทไม่ต่ำกว่า 6 เป็นต้น คะแนนในส่วนนี้จะไม่ถูกนำไปคิดรวมกับคะแนนการสมัคร แค่ผ่านเกณฑ์ที่กำหนดก็พอครับ

สามารถหาข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่ https://you.ubc.ca/applying-ubc/requirements/english-language-competency/

หมายเหตุ เอกสารทั้งหมดนั้นทางมหาลัยจะขอในรูปแบบไฟล์สำหรับการพิจารณาในการรับสมัคร และหลังจากได้รับการตอบรับว่าติดแล้วจะต้องส่งไปรษณีย์เป็นฉบับจริงในนามของโรงเรียนตามไป โดยจะต้องติดต่อทางฝ่ายแนะแนวของโรงเรียนเพื่อดำเนินการครับ


-วิธีการสมัคร

น้อง ๆ สามารถเข้าไปในเว็บ https://you.ubc.ca/applying-ubc/how-to-apply/ เพื่อศึกษาวิธีการสมัครได้ พี่จะทำการสรุปคร่าว ๆ ให้เป็นขั้นตอนด้านล่างครับ


1. ต้องสมัครบัญชี Campus-Wide Login (CWL) ก่อนที่จะทำการสมัคร โดยที่เราจะต้องใช้รหัส CWL นี้ทำทุกอย่างที่เกี่ยวกับ UBC ทั้งก่อนสมัครมหาวิทยาลัยและระหว่างการเรียนอยู่ที่มหาวิทยาลัย

สามารถสมัครได้ที่ https://ssc.adm.ubc.ca/sscportal/apply.xhtml


2. หลังจากล็อกอินเข้าไปในระบบ จะมีช่องที่เขียนว่า start your application และหลังจากที่คลิกเข้าไปแล้วจะเป็นคล้าย ๆ กับแบบฟอร์มให้กรอกข้อมูลต่าง ๆ หรือก็คือใบสมัครนั่นเอง โดยน้อง ๆ ก็จะได้รับโจทย์สำหรับ essay ในใบสมัครนี้ด้วยครับ


3. ข้อมูลที่ต้องกรอกยกตัวอย่างเช่น ข้อมูลส่วนตัวของผู้สมัคร คะแนนสอบวัดระดับภาษาอังกฤษและวันที่สอบ คณะและวิทยาเขตที่ต้องการจะทำการสมัคร ซึ่งสามารถเลือกได้ 2 อันดับ ยกตัวอย่างเช่นของพี่ Choice 1: Faculty of Arts, Vancouver campus และ Choice 2: Faculty of Science, Vancouver campus โดยถ้าถูกพิจารณาให้เข้าศึกษาต่อในตัวเลือกอันดับแรกแล้ว การสมัครสำหรับตัวเลือกที่สองจะไม่ถูกดำเนินการต่อครับ


4. ไม่ต้องกังวลถ้าเกิดไม่สามารถกรอกข้อมูลได้ครบภายในครั้งเดียว สามารถบันทึกไว้และกลับมาทำต่อทีหลังได้


5. หลังจากที่กรอกข้อมูลทุกอย่างครบหมดแล้ว จ่ายเงินค่าสมัครก็เป็นอันเสร็จสิ้นครับ


-Tips & Trick

- ตั้งใจเรียนและเก็บเกรดช่วงม. ปลายให้ดี สำคัญมากกกกกกกกก

- ให้เข้าไปยังหน้าใบสมัครตั้งแต่เนิ่น ๆ เพื่อที่จะได้มีเวลาเขียน essay มากขึ้น

- ให้ผู้ที่มีประสบการณ์มากกว่า เช่น ครู หรือรุ่นพี่ proofread เพื่อแก้ไขจุดบกพร่องและขอคำแนะนำเพิ่มเติม

- ลองให้เพื่อนอ่าน essay แล้วดูว่าเพื่อนคิดอย่างไรหลังจากที่อ่าน ตรงกับสิ่งที่เราต้องการจะสื่อหรือเปล่า

- เตรียมสอบภาษาอังกฤษไว้ตั้งแต่เนิ่น ๆ ถ้าไม่ผ่านจะได้มีเวลาแก้ตัว

- สามารถใช้คะแนน SAT, AP หรือคะแนนวัดระดับทางวิชาการต่าง ๆ ที่ได้รับการยอมรับทั่วโลกประกอบการสมัครได้

- คะแนนสอบ AP ยังสามารถใช้เป็นหน่วยกิตของปี 1 เพื่อลดราคาค่าเทอมได้อีกด้วย


->ช่วงรอผลตอบรับการเข้าศึกษาต่อ

โดยทั่วไปแล้วผลการตอบรับจากทางมหาลัยจากออกมาในช่วงเดือนมกราคมถึงเดือนมีนาคม ผลของทุนประเภท merit-based จะออกมาช่วงกลางเดือนมีนาคมจนสิ้นสุดเดือนเมษายน และผลของทุนเต็มจะออกมาประมาณกลางเดือนเมษายน โดยจะส่งมาให้ทางอีเมลและอัพเดทให้ในระบบด้วยครับ พี่ได้ทำการยื่นใบสมัครไปวันที่ 25 ธันวาคม ยอมรับว่าเครียด เพราะว่าไม่มีอะไรที่ทำให้มั่นใจได้เลยว่าจะติด ไม่ว่าจะคิดว่าสิ่งที่ตัวเองส่งไปมันดีแค่ไหนแล้ว ก็อาจจะมีคนอื่นที่ดีกว่า แล้วในที่สุดก็ได้อีเมลตอบรับวันที่ 25 กุมภาพันธ์ รวมเป็นเวลา 2 เดือนเต็ม ส่วนผลทุนก็ออกมาในวันที่ 15 และ 16 เมษายน (พี่ได้ทุน OIS 2 รอบครับ) ในช่วงรอผลมหาวิทยาลัยนี้จะเป็นช่วงเวลาที่ยากและผ่านไปช้ามาก พี่แนะนำว่าให้พยายามหาอะไรที่ผ่อนคลายทำ ลองทำให้ตัวเองไปจดจ่อกับสิ่งอื่นมาก ๆ จะช่วยลดความเครียดในช่วงนี้ได้ครับ

สุดท้ายนี้ก็ขอเป็นกำลังใจให้น้อง ๆ ทุกคนที่สนใจและอยากสมัคร UBC ถ้าเกิดมีข้อสงสัยอะไรเพิ่มเติมก็ติดต่อพี่มาหลังไมค์ได้เลยครับ พร้อมให้คำปรึกษาตลอด และจะรอเจอทุกคนที่มหาวิทยาลัยนะครับ ^^


เว็บไซต์ที่เกี่ยวข้อง

หน้าหลักของมหาวิทยาลัย

รายวิชาที่เปิดสอน

Requirements ในการสมัคร

ระบบสำหรับการสมัคร

105 views0 comments

Comments


Post: Blog2_Post
bottom of page