Kyoto University: Kyoto International Undergraduate Program (iUP)
- Natthanan Kongchu 
- Jul 24, 2020
- 4 min read
Updated: Mar 6, 2021
ข้อมูลทั่วไปของมหาวิทยาลัย
มหาวิทยาลัยเกียวโต (京都大学: Kyoto University) หรือเรียกสั้น ๆ ว่า “เกียวได” เป็นหนึ่งในมหาวิทยาลัยแห่งชาติที่เก่าแก่เป็นอันดับ 2 ของประเทศญี่ปุ่น ตั้งอยู่ที่เมืองเกียวโตนั่นเอง
มหาวิทยาลัยเกียวโตเป็นมหาวิทยาลัยชั้นนำโดยเฉพาะด้านการวิจัยอันดับต้น ๆ ของโลกเลย ติด ranking ระดับ Top 50 ของโลก, Top 20 ของเอเชีย, และสูสีกันกับ The University of Tokyo แข่งกันเป็นอันดับ 1 มาตลอด (อ้างอิงจาก QS University Rankings)
โปรแกรมที่เปิดรับสมัคร
ถ้าเราจะไปสมัครด้วย Track เดียวกับคนญี่ปุ่นก็อาจจะลำบากไปหน่อยเนอะ เพราะเราก็ต้องมีความรู้ภาษาญี่ปุ่นไปสอบแข่งขันกับคนญี่ปุ่น แต่นักเรียนต่างชาติอย่างเรา ๆ ยังมีหวังครับ เพราะทางมหาวิทยาลัยได้เปิดหลักสูตรสำหรับนักศึกษาต่างชาติโดยเฉพาะ สมัครได้ตั้งแต่ยังไม่ต้องเดินทางไปประเทศญี่ปุ่น และนี่ก็เป็นโปรแกรมที่ผมเลือกไปศึกษาต่อนั่นเองกับ Kyoto International Undergraduate Program (iUP)
สำหรับโปรแกรม iUP เป็นโปรแกรมระดับ Undergraduate/ปริญญาตรี รับนักศึกษาจากทั่วโลก เป็นโปรแกรมกึ่ง ๆ จะอินเตอร์ฯ เพราะสองปีแรกเราจะได้เรียนเป็นคลาสภาษาอังกฤษ ส่วนปี 3-4 ทักษะภาษาญี่ปุ่นเราก็น่าจะแข็งแกร่งขึ้นแล้ว เรียนคลาสที่เป็นภาษาญี่ปุ่นได้แล้วล่ะนะ (555+) ข้อดีของโปรแกรมนี้คือมีหลายคณะหลายสาขาให้เลือกได้ตั้งแต่ตอนสมัครเลย เช่น Faculty of Science, Faculty of Engineering, Faculty of Law, และอื่น ๆ ถ้าอยากดูคณะเพิ่มเติมเข้าไปดูตามลิงก์ https://www.iup.kyoto-u.ac.jp/about/faculties.html
นอกจากเราจะได้เรียนความรู้วิชาการและมีเครื่องไม้เครื่องมือสำหรับการวิจัยในมหาวิทยาลัยระดับ Top Class ด้วยบรรยากาศแบบนานาชาติ หลังจากจบการศึกษาก็ยังมีโอกาสในการหางานในบริษัทดัง ๆ ในญี่ปุ่นด้วย ถ้าใครอยากไปศึกษาต่อที่ญี่ปุ่น แนะนำว่าไม่ควรพลาดครับ อยากให้ลองสมัครดู
ทุนการศึกษา
 
	ก่อนอื่นต้องบอกก่อนว่าโปรแกรมนี้แบ่งออกเป็น 2 ช่วงได้แก่ 6 เดือนแรกที่จะเป็น Preparatory Course ที่เราจะได้เรียนภาษาญี่ปุ่นอย่างเข้มข้นพร้อมกับวิชาพื้นฐานสำหรับคณะที่จะเข้า จะได้การยกเว้นค่าใช้จ่ายดังนี้ 
- Admission fee 282,000 yen 
- Tuition fee 525,800 yen ต่อปี 
- Living Expense สูงสุดถึง 120,000 yen/เดือน เป็นค่าใช้จ่ายรายเดือนด้วย (หูวววว) หลังจากเราจบคอร์สนี้ก็จะสอบเพื่อขึ้นปี 1 ตามคณะที่เลือกไว้ 
ต่อไปจะเป็น 4 ปีที่เราจะเป็นนักศึกษาปริญญาตรีปกติ ก็ยังมีทุนต่อเนื่องให้อีกเช่นเคย
- Admission fee 282,000 yen 
- Tuition fee 525,800 yen ต่อปี 
- Living Expense สูงสุดถึง 120,000 yen ต่อเดือนก็ยังได้นะ 
ลืมบอกว่าเราจะได้อยู่หอพักมหาวิทยาลัยสำหรับ 12 เดือนแรกซึ่งค่าหอพักเทียบกับการหอพักนอกมหาลัยเองแล้วก็ถูกมาก ๆ (ค่าเช่าหอนอกมหาวิทยาลัยของประเทศญี่ปุ่นเรียกว่าโหดร้ายเลยทีเดียว TT)
อ่านเพิ่มเติมเรื่องทุนได้ที่นี่ https://www.iup.kyoto-u.ac.jp/campus-life/
แนะนำตัวผู้เขียน
สวัสดีครับ ผมชื่อณัฐนันท์ คงชู เรียกว่าโจ้ละกันครับ ปีนี้ (2020) เพิ่งจบม.ปลายจากโรงเรียนกำเนิดวิทย์และเลือกไปศึกษาต่อที่ Kyoto University ประเทศญี่ปุ่น ในโปรแกรม Kyoto University International Undergraduate Program วันนี้ก็จะมาเล่า/รีวิวจากประสบการณ์ตรงตั้งแต่ เริ่มหาข้อมูลเอง สมัครเอง ลุ้นผลเอง ตื่นเต้นเอง ไปจนถึงเลือกไปตัดสินใจไปเรียนต่อที่นี้ มาดูกันเลยครับ
ทำไมถึงต้องเลือกที่นี่
เหตุผลแรก เพราะเป็นประเทศญี่ปุ่น
เหตุผลที่สอง เพราะเป็น “เมืองเกียวโต”
555555555 เหตุผลนั้นจริง ๆ ครับ เพราะผมก็ติดที่มหาวิทยาลัยอื่นของญี่ปุ่นด้วย แต่ที่เลือกเกียวโตเพราะว่า ภาพจำของเราคือเมืองเกียวโตจะมีความธรรมชาติแบบต้นไม้ใบหญ้า กับความเป็นวัฒนธรรมเก่า ๆ เช่นพวกปราสาท เราก็ชั่งใจแล้วว่าถ้าให้เลือกระหว่างเมืองแนว Urban กับ Nature เราชอบ Nature มากกว่า (เหตุผลค่อนข้างจะส่วนตัวหน่อย ๆ) แต่ถ้าจะให้แนะนำคนอื่นว่าทำไมต้องเลือกที่นี่โปรแกรมนี้ ก็เพราะ
- มีทุนให้ (อันนี้สำคัญมากสำหรับเรานะ ถึงค่าใช้จ่ายจะถูกกว่าเมื่อเทียบกับฝั่งยุโรป อเมริกา แต่ก็แพงกว่าเรียนต่อในประเทศไทยหลายเท่าเลย)การได้ทุนก็ช่วยลดภาระค่าใช้จ่ายที่เราต้องควักกระเป๋าตังค์เองไปได้เยอะเลย 
- เรียนเป็นภาษาอังกฤษ ด้วยความที่ในชีวิตประจำวัน คนญี่ปุ่นแทบจะไม่พูดภาษาอังกฤษกันเลย เราก็กลัวว่าถ้าเราไปเรียนภาคญี่ปุ่นล้วน สกิลภาษาอังกฤษเราก็อาจจะถดถอยได้ เสียดายแย่เลย แต่ถ้าเรียนโปรแกรมอินเตอร์ฯ ตอนเรียนเราก็ได้ใช้ภาษาอังกฤษ นอกเวลาเรียนก็ได้ใช้ภาษาญี่ปุ่น win-win ทั้งคู่ 
- คุณภาพมหาลัย เรียกว่าไม่ต้องห่วง ระดับ Top ของญี่ปุ่น เอเชีย และของโลกเลย สิ่งอำนวยความสะดวก อุปกรณ์ครบครัน มี Professorจากมหาวิทยาลัยเกียวโตได้รับรางวัลโนเบลถึง 11 ท่าน ดังนั้นเรื่องวิจัยสุดยอดแน่นอน 
การสมัคร
สำหรับโปรแกรมนี้ (รวมถึงโปรแกรมอินเตอร์ของมหาวิทยาลัยอื่น ๆ ด้วย) จะใช้ระบบ Online Application ซึ่งจะเป็นศูนย์กลางที่จะให้เราไปกรอกข้อมูลการสมัคร อัพโหลดเอกสาร และรับอีเมลแจ้งเตือนจากทาง Admission Office เมื่อถึงช่วงเวลาเปิดรับสมัคร เราก็สามารถเข้าไปใช้ Online Application ตั้งแต่สมัคร 1st stage ไปจนถึงการประกาศผล Final แล้วว่าเราได้รับการตอบรับเข้าเรียน
การสมัครก็จะประกอบไปด้วย 2 รอบ ซึ่งก็คือ
1st stage Screening test เป็นรอบที่ทางมหาลัยจะพิจารณาจากเอกสารที่เราส่งไปทั้งหมด ได้แก่ เกรดใน Transcript, คะแนน Standardized Tests (IELTS, SAT, EJU, etc.), Essay, Recommendation letter (จะแนะนำเรื่องการเตรียมเอกสารนี้ในย่อหน้าถัด ๆ ไปครับ)
2nd stage Interview test รอบนี้จะเป็นการสัมภาษณ์ครับ โดยเราจะได้สัมภาษณ์กับคณะกรรมการจากทางโปรแกรม iUP สัมภาษณ์เป็นภาษาอังกฤษ (มีแนะนำเทคนิคการเตรียมตัวสัมภาษณ์นะ)
หลังจากผ่านทั้ง 2 รอบนี้ไปได้ ก็เหลือแค่รอลุ้นผลแล้วครับ (จะติดมั้ยนะ ลุ้นๆๆๆ)
สำหรับขั้นตอนการสมัครอย่างละเอียด แนะนำให้อ่าน Application Guideline ของแต่ละปี ซึ่งจะอัพเดตช่วงเดือน ก.ค. ของปี อย่าง October 2020 Enrollment ก็จะอัพเดตช่วง July 2019
ลองเข้าไปอ่านได้ที่ link นี้ครับ https://www.iup.kyoto-u.ac.jp/apply/
ช่วงเวลาที่เปิดรับสมัคร
จะขออิงตามรอบ October 2021 Enrollment ที่น้อง ๆ รุ่นถัดจากผมจะสมัครนะครับ

อ้างอิง: Application Guidelines for October 2021 Enrollment
นี่เป็นขั้นตอนคร่าว ๆ สำหรับช่วงเวลาการสมัคร ก็คือเราจะสมัครตอนอยู่ ม.6 เทอม 2 (พี่ลองเทียบกับปีก่อนหน้าที่ยังไม่เกิดเหตุการณ์ COVID – 19 แล้วก็พบว่ากำหนดการณ์ของปีนี้ไม่ได้ต่างจากของปีที่แล้วไปเท่าไหร่ครับ ใกล้เคียงกัน)
เอกสารที่ต้องใช้ในการสมัคร
สำหรับเอกสารที่ต้องใช้อาจจะเยอะสักหน่อย แต่ไม่วุ่นวายมากครับ ทุกอย่างต้องเป็นภาษาอังกฤษนะครับ (อิงตามปีรอบ October 2021 enrollment เช่นเคย)
- Digital identification photograph ก็คือรูปถ่ายชุดนักเรียน สแกนเก็บเอาไว้อัพโหลด 
- Copy of passport พาสปอร์ตหน้าข้อมูล สแกนเก็บไว้ครับ 
- Application fee payment certificate Or Bank remittance certificate หลักฐานยืนยันว่าเราได้จ่ายค่าสมัครแล้ว (ขั้นตอนการจ่ายจะงง ๆ นิดหน่อยครับ ต้องลองไปอ่านใน Application Guideline ดูนะ คล้าย ๆ กับจ่ายเงินซื้อของออนไลน์แล้วเราจะได้ใบเสร็จเป็นไฟล์ PDF เก็บไว้ เอาไฟล์นี้แหละครับไปอัพโหลด อ้อ ในกรณีที่จ่ายผ่านบัตรเครดิต/เดบิตน่ะครับ จะสะดวกกว่าโอนผ่านธนาคาร) 
- School Transcript ใบเกรด (ปพ. 1) ที่เราขอจากฝ่ายทะเบียนของโรงเรียนนะครับ (เป็นภาษาอังกฤษนะ) ตอนสมัครเราอยู่ ม.6 เทอม 2 ก็เท่ากับว่าเรามีเกรด 5 เทอมไว้ยื่นใช่มั้ยครับ (ปล. ผมเคยใช้เกรดแค่ 4 เทอมยื่นก็ได้นะครับ ไม่มีปัญหา แต่พอทางมหาวิทยาลัยขอให้ส่งเอกสารไปทางไปรษณีย์ ก็เอาที่เป็น 5 เทอมแล้วส่งไปครับ) 
- Certificate of Expected Graduation ใบคาดว่าจะจบการศึกษา ขอจากฝ่ายทะเบียนโรงเรียน เป็นภาษาอังกฤษครับ 
- Evaluation form B อันนี้ก็คือ Recommendation letter ครับที่เราจะให้คุณครูเขียนให้ โดยทางมหาวิทยาลัยจะส่งแบบฟอร์มไปให้คุณครูกรอก เราจะไม่รู้ว่าเกิดอะไรขึ้นบ้าง รู้อีกทีแค่ว่าอาจารย์อัพโหลดให้เราแล้ว 
- English proficiency test results ผลสอบ IELTS (ขั้นต่ำ 6.5), TOEFL (ขั้นต่ำ iBT 90, PBT: 580) อัพโหลดเข้าระบบเช่นกัน 
- Standardized test results ผลสอบพวก SAT, SAT Subjects, ACT, EJU ก็อัพโหลดเข้าระบบไปด้วยครับ สามารถไปดูได้ใน Application Guideline ครับว่าสามารถใช้คะแนนอะไรได้บ้าง 
- Essay เรียงความตามหัวข้อที่มหาลัยกำหนดครับ โหลด Essay form มาเป็นไฟล์ word พิมพ์เสร็จก็เซฟแล้วก็อัพโหลด (มีเทคนิคการเขียน Essay ด้วยนะ อ่านต่อ ๆ) 
นอกจากนี้ก็ยังมีเอกสารที่ไม่ได้ระบุไว้แต่ผมแนะนำให้เตรียมไว้เช่น
10. พวกเกียรติบัตรไปสอบแข่งขันต่างๆ โอลิมปิก สอวน. นำเสนอโครงงานวิจัย หรือก็พวกเกียรติบัตรกิจกรรมจิตอาสาพวกนี้ก็สำคัญนะครับ แล้วก็รูปถ่ายตอนที่เราไปทำกิจกรรมด้วย ไปขุดมาครับ 5555 เอาไว้ใช้ได้ เหมือนเราทำ portfolio ครับ (แต่ถ้าขี้เกียจทำ portfolio ทั้งเล่มก็ทำแค่ส่วน Extracurricular Activities / Achievement / Competition / Leadership Activities/ Voluntary Activities/ Hobbies ทำง่าย ๆ เลยครับ อย่างตัวอย่างของผมก็ไม่ได้เน้นความสวยเลย แค่เขียนอธิบายกับมีรูปถ่ายก็เพียงพอแล้ว)
เอกสารเหล่านี้แนะนำให้เตรียมให้เสร็จสรรพไว้ก่อน พอเปิดระบบจะได้อัพโหลดเลย แล้วก็เสร็จ ถ้าเตรียมเอกสารช่วงเปิดรับสมัครอาจจะไม่ทันเอานา แล้วก็เก็บเอกสารไว้กับตัวดี ๆ นะครับ เพราะถ้าเราผ่าน 1st stage screening test ไปได้ ทางมหาวิทยาลัยอาจจะขอให้เราส่งเอกสารพวกนี้บางอันไปยังที่อยู่มหาวิทยาลัยที่ประเทศญี่ปุ่นเลย ผ่านทางไปรษณีย์หรือบริการขนส่งเอกชนก็ได้ครับ (ควรเลือกการส่งที่เราสามารถตรวจสอบสถานะพัสดุได้ด้วย เพื่อความชัวร์)
วิธีการสมัคร
สมัครออนไลน์ใช้เวลาไม่นานครับ มีขั้นตอนดังนี้
- เข้าไปที่หน้าเว็บ https://www.iup.kyoto-u.ac.jp/apply/ เพื่อเข้าสู่ Online Application System 
- หลังจากสมัคร Account แล้วก็ Log in เข้าไปเลยย 
- เราจะเห็น 3 ปุ่ม ได้แก่ 
a. Message(s) from admission office เป็นส่วนที่ทางมหาวิทยาลัยจะส่งข้อความทั้งแจ้งเตือนแล้วก็ประกาศผลไว้ตรงนี้ครับ (จะมีอีเมลเข้าไปยังเมล์ที่เราใช้สมัครด้วยนะ)
b. Application ตรงนี้เราไว้กรอกข้อมูลต่าง ๆ ครับ เดี๋ยวจะมาเน้นตรงนี้นะ
c. Document upload เอกสารต่าง ๆ ก็จะมาอัพโหลดตรงนี้ครับ
4. จะเน้นกันที่ปุ่ม Application ครับ จะแบ่งเป็นหน้าย่อย ๆ ประมาณ 10 หน้า เป็นส่วนที่ให้เรากรอกข้อมูลต่าง ๆ เช่น ข้อมูลส่วนตัว ประวัติการศึกษา คะแนน standardized ต่าง ๆ ฯลฯ
5. ปุ่มสุดท้าย Document Upload เป็นส่วนที่ให้เราอัพโหลดเอกสารทุกอย่างที่ได้บอกไว้ข้างบนครับ จะเป็นช่องให้อัพโหลดแยกของแต่ละอันเลย
6. เสร็จสิ้นทุกอย่างแล้วครับ ถ้าเรากรอกข้อมูลครบ อัพโหลดเอกสารครับ จะขึ้นข้อความว่า complete หน้าปุ่มทั้งสอง ถ้าขึ้นข้อความ complete ทั้งสองอันก็แปลว่าเรียบร้อยแล้ว รอประกาศผลได้เลย
ปล. ทั้ง Application และ Document Upload ไม่จำเป็นต้องทำให้เสร็จรวดเดียวนะครับ สามารถกดปุ่ม save เพื่อบันทึกส่วนที่ทำเสร็จแล้วไว้ แล้วค่อยมาเติมส่วนที่เหลือได้เรื่อย ๆ ครับ ในหน้าเว็บข้อ 1 ก็จะมี User Manual อย่างละเอียดให้เลยครับ
Tips & Tricks
- การเตรียมคะแนนสอบ 
อันนี้จะค่อนข้างจะขึ้นอยู่กับแต่ละคนนะครับว่าจะใช้คะแนนอะไรยื่นบ้าง แต่จะขอแนะนำว่าเราควรจะมีคะแนน “ที่พอใจ” ไว้ในมือภายใน ม.6 เทอม 1 แล้ว เตรียมพร้อมสำหรับการสมัคร อันที่เปิดสอบบ่อย ๆ อย่าง IELTS ก็จะไม่ค่อยมีปัญหา แต่อย่าง SAT Subject ที่ปีนึงเปิดสอบไม่กี่ครั้ง เราก็ต้องคิดล่วงหน้า (ตั้งแต่ตอนอยู่ ม.5 เลย) ว่าจะสอบรอบเดือนไหนดี จะได้มีคะแนนทันใช้ อย่าง EJU เนี่ยเปิดสอบปีละ 2 ครั้ง รอบกลางปีกับปลายปี เราก็จะมีโอกาสสอบไม่กี่ครั้งเอง ก็ต้องเตรียมตัวสอบไปให้ดี ๆ ด้วยนะครับ อ่านหนังสือ ฝึกทำโจทย์ (ที่สำคัญ ยิ่งสอบบ่อยยิ่งมีค่าใช้จ่ายเยอะนะครับ ไม่ใช่ถูก ๆ ด้วย 555)
2. Extracurricular Activities
กิจกรรมพัฒนาผู้เรียน แนะนำให้มีครับ เพราะชีวิตเราก็ไม่ได้มีแต่เรียนเนอะ ต้องเก่งรอบด้านด้วย ก็ทำกิจกรรมต่าง ๆ บ้าง มันจะแสดงถึงทักษะด้านอื่น ๆ นอกเหนือจากการเรียนในห้อง เช่น ความเป็นผู้นำและการทำงานร่วมกับผู้อื่น งานอดิเรกกีฬา ภาษา ดนตรี ซึ่งมาเร่งทำตอนใกล้จะสมัครก็คงลำบากแย่เลย ควรเก็บสะสมมาเรื่อย ๆ ตั้งแต่ขึ้น ม.4 เลยครับ แล้วพอเราเอากิจกรรมต่าง ๆ มารวมเป็นเล่มหรือเป็น portfolio เนี่ย เขียนแค่ว่าเราทำอะไรบ้างอาจจะไม่พอครับ เราต้องอธิบายเพิ่มเติมด้วยว่า ทำไมเราถึงทำกิจกรรมนั้น? ทำอย่างไร? ทำแล้วเราเรียนรู้อะไรบ้าง? พยายามใส่รายละเอียดลงไป
3. การเขียน Essay
Essay เป็นอีกสิ่งที่เราควรให้เวลากับความพยายามกับมันเยอะ ๆ เพราะมันเป็นเหมือนการสัมภาษณ์เบื้องต้นเกี่ยวกับ Passion และทัศนคติของเรา คำถามจะเป็นประมาณว่า ให้เราแนะนำตัวเอง ทำไมเราอยากถึงเข้าเรียนที่มหาวิทยาลัยนี้ ฯลฯ
ผมแนะนำเคล็ดลับบางอย่างเพื่อให้ Essay เราออกมาดีที่สุดนะ
- อย่าไปเร่งรัดกับมันมาก ทำไปเรื่อย ๆ (แต่ให้ทันเดดไลน์ด้วยนะ) วันนี้อาจจะเขียนได้สัก 2 ย่อหน้า พรุ่งนี้ก็ค่อยมาเขียนย่อหน้าที่ 3 ต่อ ถ้าคิดไม่ออก นั่งเค้นไปก็ไม่มีประโยชน์อะไรครับ 
- วางเค้าโครงการเขียนให้ดี ย่อหน้าละ 1 ประเด็น ที่สำคัญต้องตอบให้ตรงคำถามด้วยนะ ตัวอย่างเช่น ย่อหน้าที่ 1 แนะนำตัวเอง ย่อหน้าที่ 2 อธิบายว่าทำไมถึงอยากไปเรียนที่ญี่ปุ่น ย่อหน้าที่ 3 อธิบายทำไมถึงอยากไปเรียนที่มหาวิทยาลัยนี้ และอื่น ๆ ตามที่โจทย์ถาม 
- เขียนให้กระชับ มีใจความสำคัญ 1 อย่างก็พอ แล้วที่เหลือเป็นเหตุผลสนับสนุน อย่าเขียนกว้าง ๆ เกินไป ให้เจาะรายละเอียดไปเลยครับ เช่น แทนที่จะบอกแค่ว่าประเทศญี่ปุ่นเหมาะสำหรับนักศึกษาต่างชาติให้ไปเรียนต่อ ให้ใส่รายละเอียดลงไปเลยว่าทำไมถึงเหมาะ ค่าครองชีพไม่แพงเทียบกับฝั่งยุโรป, มีทุนการศึกษาให้จากทางรัฐบาลและมหาวิทยาลัย, เมื่อเรียนจบแล้วสามารถหางานทำต่อได้ เป็นต้น จะทำให้ Essay เราดูหนักแน่นขึ้นครับ 
- เอา “เรื่องของตัวเอง” มาเล่า ก็คือมี Story นั่นเองครับ เช่น มีเหตุการณ์อะไรที่ทำให้เราชอบเรียนเคมี? (ตัวอย่างเช่น เคยไปเที่ยวพิพิธภัณฑ์วิทยาศาสตร์แล้วประทับใจการทดลอง อยากเรียนด้านนี้) เรารู้จักมหาวิทยาลัยนี้ได้อย่างไร? (มีรุ่นพี่มาแนะนำ, ประชาสัมพันธ์จากฝ่ายแนะแนวของโรงเรียน) การเขียนเห็นแบบนี้จะช่ายให้กรรมการที่อ่านเห็นอะไรบางอย่างในตัวเราโดดเด่นขึ้นมา (เขียนให้ดูดีได้ แต่ไม่เกินความเป็นจริงนะครับ) การเขียนแบบกว้าง (Generic) เกินไปนั้นใคร ๆ ก็เขียนได้ครับ 
- ระหว่างการเขียนก็ค้นคว้าข้อมูลไปบ้าง ถ้าเราต้องการพูดถึงจุดแข็งของมหาวิทยาลัย ก็ลองไปอ่านหน้าเว็บมหาวิทยาลัยดูเลยครับ ไม่ต้องเสี่ยงกับการคิดข้อมูลขึ้นมาลอย ๆ ที่มีโอกาสผิดได้ หาข้อเท็จจริงหรือสถิติมารองรับก็จะทำให้ Essay เราดูจริงและน่าเชื่อถือขึ้น 
- ตรวจทานบ่อย ๆ อาจจะเปิดมาดูวันละ 2-3 ครั้ง เผื่อมีจุดที่ควรแก้หรือจุดที่ควรใส่เพิ่ม เช็คการสะกด ความต่อเนื่องของเนื้อหา พยายามให้มีจุดผิดพลาดน้อยที่สุด 
- ให้คุณครูตรวจทานทั้งเนื้อหาและการใช้ภาษาอังกฤษให้ก็ดีครับ 
- สิ่งที่สำคัญสุดท้ายเลยคือต้อง “เป็นตัวเรา” ครับ เขียนตามสิ่งที่เราเห็นว่าเหมาะสม คุณครูหรือเพื่อนอาจจะให้คำแนะนำเรื่องเนื้อหากับการใช้ภาษาได้ แต่สุดท้ายแล้ว เราต้องเป็นคนตัดสินใจเองครับ ว่าเราต้องการจะบอกอะไรกับทางมหาวิทยาลัยผ่านทาง Essay นี้บ้าง 
4. Evaluation Form B
ส่วนนี้เป็นส่วนสำคัญที่มหาลัยจะได้รู้จักเรามากขึ้นว่าเป็นเราคนยังไง จากคำบอกเล่าของคนที่ใกล้ชิดเราด้านวิชาการ เช่น คุณครูที่ปรึกษาประจำชั้น คุณครูประจำวิชา ฯลฯ (ซึ่งก็คือ Recommendation Letter นั่นเอง) แน่นอนครับว่า Evaluation Form B เนี่ย อาจารย์จะเป็นคนเขียนให้ครับ เราจะไม่ทราบเลยว่าอาจารย์จะเขียนไปอย่างไรบ้าง สิ่งที่เราทำได้ก็จะมีดังต่อไปนี้
- ควรเลือกคนเขียนที่เราคิดว่า “รู้จักเราดีพอ” เพราะไม่อย่างนั้นจดหมายที่จะได้อาจจะ plain เกินไป ไม่ได้ทำให้ทางมหาวิทยาลัยรู้จักเรามากขึ้น (ถ้าจะเขียนว่า นักเรียนคนนี้ตั้งใจเรียนดี มีความใฝ่รู้ มีสัมมาคารวะ อย่างนี้ก็กว้างไป คุณครูก็เขียนให้นักเรียนได้ทุกคนไม่ใช่แค่เรา ใช่มั้ยล่ะครับ) 
- ควรแจ้งคุณครูตั้งแต่เนิ่น ๆ ว่าจะขอรบกวนให้คุณครูเขียน Evaluation Form นี้ให้ คุณครูสะดวกมั้ยครับ ถ้าคุณครูตกลงว่าจะเขียนให้ก็แจ้งขั้นตอนคร่าว ๆ เลยครับว่าคุณครูจะต้องทำอะไรบ้าง เช่น จะได้รับเมล์จากทางมหาวิทยาลัย เขียนแบบฟอร์ม ฯลฯ 
- เผื่อเวลาให้คุณครูเขียนอย่างน้อย 2 สัปดาห์ แจ้งเดดไลน์ไว้ด้วยนะครับ (เผื่อล่วงหน้าเดดไลน์รับสมัครจริง ๆ ไว้ 2-3 วันก็ดีครับ เช่น ถ้าหมดเขตสมัครวันที่ 10 ก็แจ้งคุณครูว่าขอ Evaluation Form ให้เสร็จภายในวันที่ 7) 
- สิ่งที่ควรทำอีกอย่างคือ เตรียมข้อมูลให้คุณครูใช้ประกอบการเขียน เช่น จุดเด่นจุดด้อยของเรามีอะไรบ้าง เราชอบเรียนวิชาอะไร อนาคตอยากทำงานอะไร เกี่ยวข้องกับคุณครูท่านนี้อย่างไรบ้าง ฯลฯ จะช่วยให้คุณครูเขียนได้ละเอียดขึ้นนะครับ 
- พยายามติดตามความคืบหน้าว่าคุณครูเขียนเสร็จหรือยัง แต่ก็ไม่ควรถามแบบกดดันว่า “คุณครูครับ เขียนเสร็จยังครับ?” ควรจะถามอย่างสุภาพ “คุณครูครับ/คะ สำหรับ Evaluation form B จะต้องส่งภายในวันที่ ... ถ้าคุณครูต้องการข้อมูลเกี่ยวกับผม/หนูเพิ่มเติม สามารถติดต่อมาได้ที่ ... นะครับ/คะ” ก็คือเป็นการเตือนความจำครูว่าจะต้องใช้เอกสารภายในวันนั้น ๆ 
5. การเตรียมตัวสัมภาษณ์
การสัมภาษณ์ของ Kyoto iUP เราจะได้ไปสัมภาษณ์ที่สำนักงาน Kyoto University ASEAN Center (แถว ๆ สุขุมวิท-อโศก) ใช้เวลาสัมภาษณ์ประมาณ 1 ชั่วโมง กับอาจารย์จากมหาวิทยาลัย 1 ท่านเป็นภาษาอังกฤษ (ถ้าโชคดีอาจจะได้คุยเป็นภาษาญี่ปุ่นด้วยนะ ผมลองมาแล้ว 5555) แต่จะมีคณะกรรมการอีกหลายท่าน video conference ดูเราขณะกำลังสัมภาษณ์ด้วยครับ
การสัมภาษณ์เป็นอะไรที่เตรียมตัวยากแล้วก็ตื่นเต้นทุกครั้งครับ เราต้องไปนั่งคุยกับกรรมการต่อหน้าเลย มีเครียด ประหม่าเป็นธรรมดา เราก็แค่เตรียมตัวไปให้ดีที่สุดก็พอ บางคำถามในการสัมภาษณ์เราอาจจะเตรียมคำตอบไปคร่าว ๆ ก่อนได้ เช่น คุณรู้จักมหาวิทยาลัยนั้นแค่ไหน คุณคิดว่าคุณมีจุดแข็งจุดอ่อนอะไรบ้าง ฯลฯ การเตรียมตัวสำหรับคำถามพวกนี้สามารถหาอ่านได้ตามอินเทอร์เน็ตเลยครับ คล้าย ๆ กับคำถามสมัครงาน บางคำถามก็จะอิงตาม Essay ที่เราเขียนไป (อย่าลืมอ่านทวนไปด้วยนะครับว่าเราเขียนอะไรลงไปใน Essay บ้าง) บางคำถามก็อาจจะคาดไม่ถึง เช่น คุณชอบนักวิทยาศาสตร์คนไหนบ้าง เจอคำถามแบบนี้เข้าไปก็อาจจะมีเหวอได้ ขอให้ตั้งสติ คิดหาคำตอบอย่างรวดเร็ว แล้วก็พยายามหาเหตุผลมาสนับสนุนคำตอบของเราให้ได้
ช่วงเวลารอผลการคัดเลือก
ช่วงเวลาแห่งความตื่นเต้นครับ ได้ยินแจ้งเตือนอีเมลก็สะดุ้งตลอด 55555 ทางระบบจะส่งอีเมลมาหาครับว่าไปเช็คใน Online Application System นะ มีแจ้งเตือนมา จะมีแจ้งเตือนประกาศผลรอบที่ 1, แจ้งเรื่องการส่งเอกสารทางไปรษณีย์ไปญี่ปุ่น, แจ้งนัดวันเวลาสัมภาษณ์, แล้วก็ประกาศผลรอบ 2 แค่นี้ครับ ไม่เยอะ ๆ
นี่ก็คือรีวิวจากประสบการณ์ตรงของผมนะครับ ถ้าอยากติดตามเพิ่มเติมว่าหลังจากได้รับเข้าเรียนแล้ว จะมีอะไรเกิดขึ้นบ้าง ติดตามสอบถามส่วนตัวได้ที่ FB: NatthaNan KongChu, IG: k.natthanan, E-mail: natthanankwork@gmail.com ถ้าอยากอ่านรีวิวแบบนี้ของมหาวิทยาลัยอื่น ๆ ติดตามได้ที่เว็บนี้เลยครับ ขอบคุณครับบ
ส่งท้ายด้วยรูปทิวทัศน์สวย ๆ ของ Kamo River ที่เมืองเกียวโตครับ

(Photo by Yasuhiro Yokota on Unsplash)
รวม Link ที่มีประโยชน์
https://www.iup.kyoto-u.ac.jp/ หน้าเว็บของ Kyoto iUP
https://www.iup.kyoto-u.ac.jp/about/faculties.html คณะที่เปิดรับสมัคร
https://www.iup.kyoto-u.ac.jp/about/documents.html โบรชัวร์ต่าง ๆ
https://www.iup.kyoto-u.ac.jp/campus-life/ เกี่ยวกับทุน ที่พักอาศัย วีซ่า ฯลฯ
https://www.iup.kyoto-u.ac.jp/apply/ เกี่ยวกับการสมัครทั้ง Guideline และ Online System
https://www.iup.kyoto-u.ac.jp/apply/applicationflow.html Flowchart การสมัคร
https://www.youtube.com/watch?v=9ujZhLM9UJE แนะนำ Program





Comments