Korea Advanced Institute of Science and Technology (KAIST) เป็นมหาวิทยาลัยวิทยาศาสตร์ที่ตั้งอยู่ในเมืองแทจอน (Daejeon) ประเทศเกาหลีใต้ ก่อตั้งในปี ค.ศ. 1971 โดยรัฐบาลเกาหลี ปัจจุบันมีนักศึกษาที่สำเร็จการศึกษาไปแล้ว 64,739 คน (อัพเดทเมื่อ 11 มิถุนายน พ.ศ. 2563)
KAIST เป็นมหาวิทยาลัยวิจัยทางวิทยาศาสตร์และวิศวกรรมแห่งแรกของเกาหลีใต้ มีจุดประสงค์คือผลิตนักวิทยาศาสตร์และวิศวกร เพื่อทำงานวิจัย คิดค้นนวัตกรรมที่มีประโยชน์ต่อมนุษย์ และผลักดันอุตสาหกรรมและเศรษฐกิจของประเทศ
ชาวเกาหลีใต้โดยทั่วไปยอมรับว่า KAIST เป็นมหาวิทยาลัยเทคโนโลยีที่ดีที่สุดในประเทศ และจากการจัดอันดับมหาวิทยาลัยของ QS World Rankings 2021 นั้น KAIST ได้ถูกจัดอยู่ในอันดับที่ 39 ของโลก
คณะและสาขาที่เปิดรับ
ระดับปริญญาตรี
1. College of Natural Science
- Physics
- Mathematical Science
- Chemistry
2. College of Life Science & Bioengineering
- Biological Sciences
3. College of Engineering
- Mechanical Engineering
- Aerospace Engineering
- Electrical Engineering
- Computer Science
- Civil & Environmental Engineering
- Bio & Brain Engineering
- Industrial Design
- Industrial & Systems Engineering
- Chemical & Biomolecular Engineering
- Materials Science & Engineering
- Nuclear & Quantum Engineering
4. College of Business
- Business and Technology Management
ทุนการศึกษา
แบ่งเป็น 2 ประเภท
1. KAIST International Student Scholarship
เป็นทุนเต็มจำนวนที่มอบให้กับนักเรียนต่างชาติที่ได้รับเข้าศึกษาจากทางมหาวิทยาลัย โดยครอบคลุมค่าเทอมตลอด 4 ปี มีเงินเดือนให้เดือนละ 350,000 วอน และมีประกันสุขภาพ แต่มีเงื่อนไขว่าต้องทำเกรดให้ได้มากกว่า 2.7 จาก 4.3 ตลอดเทอม
2. GKS Program (Global Korea Scholarship) หรือทุนรัฐบาลเกาหลี
เป็นทุนที่มอบให้นักศึกษาต่างชาติโดยรัฐบาลเกาหลี ทุนนี้จะครอบคลุมค่าเรียนทั้งมหาวิทยาลัยและเรียนปรับภาษา พร้อมสิทธิประโยชน์หลาย ๆ อย่าง สามารถเข้าไปดูรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ http://www.studyinkorea.go.kr/en/sub/gks/allnew_invite.do
เล่าประสบการณ์
แนะนำตัวผู้เขียน
สวัสดีครับ ผมชื่อรวัชญ์ ผดุงเกียรติวงษ์ (ฟรีซ) จบจากโรงเรียนกำเนิดวิทย์ รุ่นที่ 3 ได้รับคัดเลือกเข้าศึกษาต่อที่ KAIST, Fall 2020 ผ่านการสมัครรอบ Early Track ครับ
ทำไมถึงเลือก KAIST?
สาเหตุที่เลือกที่นี่ หลัก ๆ เลย คือเรื่องทุนการศึกษา หลักสูตร การใช้ภาษาอังกฤษเป็นสื่อการสอน และสิ่งแวดล้อมรอบตัว
เรื่องของทุนการศึกษา ทางมหาวิทยาลัยจะแจกทุนเต็มให้กับนักศึกษาต่างชาติทุกคนที่ติดโดยครอบคลุมค่าเรียนตลอด 4 ปี ซึ่งผมเห็นว่ามีโอกาสสูงที่จะได้ (ถ้าติด) เทียบกับมหาวิทยาลัยอื่นๆ และไม่อยากรบกวนเงินผู้ปกครอง ผมเลยเลือกที่จะสมัคร KAIST
ในเรื่องของหลักสูตร ที่นี่ในปีแรก เด็กทุกคนจะยังไม่ได้เลือก major (วิชาเอก) ทางมหาวิทยาลัยจะจัดหลักสูตรวิชาทั่วไปให้ทุกคนได้เรียน พร้อมทั้งมีสัมมนาของสาขาวิชาต่าง ๆ เพื่อที่จะให้นักศึกษาได้ค้นหาสาขาที่สนใจจริง ข้อนี้ดีมากสำหรับผมเพราะตอนช่วงสมัครมหาวิทยาลัย ผมยังไม่รู้ตัวเองว่าอยากเรียนทางด้านไหนเฉพาะระหว่างวิศวกรรมศาสตร์และวิทยาศาสตร์ ผมจึงอยากเรียนที่นี่เพื่อค้นหาตัวเองให้พบก่อน จะได้เรียนและอยู่กับสิ่งที่ชอบตลอดชีวิต
เหตุผลต่อไปคือ มหาวิทยาลัยนี้จัดการเรียนการสอนเป็นภาษาอังกฤษเกือบทุกคอร์ส เนื่องจากทางมหาวิทยาลัยมีเป้าหมายให้ KAIST เป็นมหาวิทยาลัยนานาชาติ ทำให้ในการมาเรียน ที่ KAIST เราไม่จำเป็นต้องรู้ภาษาเกาหลี ใช้แค่ภาษาอังกฤษในการเรียนเท่านั้น
เหตุผลสุดท้ายคือสิ่งแวดล้อมในมหาวิทยาลัย ถึงแม้จะเป็นที่ทราบกันดีว่าประเทศเกาหลีใต้นั้นขึ้นชื่อเรื่องการเรียนหนักอันดับหนึ่งของโลก ทั้งเด็กที่เรียนจนดึกดื่น หรืออ่านหนังสือทั้งวัน ผมคิดว่าบรรยากาศที่มีการแข่งขัน มีคนขยันรอบตัวแบบนี้จะผลักดันให้เราขยันขึ้น และโฟกัสเรื่องเรียนมากขึ้น อีกทั้ง KAIST ยังตั้งอยู่ในย ทำให้การมาเรียนวิศวกรรมศาสตร์หรือวิทยาศาสตร์ที่นี่ดูเป็นเรื่องใกล้ตัว มีโอกาสที่เราจะได้ไปฝึกงาน ร่วมงานร่วมกับโปรเจกต์ หรือบริษัททางเทคโนโลยีในเกาหลีใต้ แถมมหาวิทยาลัยนี้ยังเป็นมหาวิทยาลัยที่ถูกจัดอันดับอยู่ในระดับ
ช่วงเวลาการสมัคร
การสมัครเข้าศึกษาต่อจะแบ่งออกเป็น 3 รอบ ได้แก่ Early, Regular และ Late
- รอบ Early จะเปิดรับสมัครช่วงต้นเดือนกันยายน-ปลายเดือนตุลาคมของทุกปี
- รอบ Regular จะเปิดรับสมัครช่วงต้นเดือนพฤศจิกายน-กลางเดือนมกราคมของทุกปี
- รอบ Late จะเปิดรับสมัครช่วงต้นเดือนมีนาคม-ปลายเดือนพฤษภาคมของทุกปี
สำหรับวัน เวลา และรายละเอียดเพิ่มเติม สามารถติดตามได้ใน Application Guideline ที่ https://admission.kaist.ac.kr/intl-undergraduate/
วิธีการสมัคร
กรอก Application Form ในเว็บสมัครออนไลน์ https://apply.kaist.ac.kr/interapply โดยต้องกรอกทั้งหมดให้เสร็จรอบเดียว พร้อมจ่ายเงินค่าสมัคร ประมาณ 80 USD หรือ 80,000 วอน จึงจะสามารถเข้าบัญชีสมัครมหาวิทยาลัยได้
ข้อมูลที่ต้องกรอก ก่อนจ่ายเงิน ได้แก่
▫ ข้อมูลทั่วไป
▫ ข้อมูลครูที่เขียน Recommendation Letter ให้กับเรา
▫ กิจกรรมนอกห้องเรียน
▫ กิจกรรมด้านความเป็นผู้นำ
▫ งานที่เคยทำ (ไม่จำเป็นต้องมี)
▫ คะแนนสอบ Standardized Test ผลงานทางวิชาการ
▫ Essay ประมาณ 5 คำถาม
แนะนำให้เปิดดูเว็บแต่ละหน้าคร่าว ๆ ก่อนว่าต้องกรอกอะไรประมาณไหนบ้าง คัดลอกคำถาม Essay มาก่อนแล้วนั่งเขียนให้เสร็จทุกอย่าง จากนั้นค่อยใส่ทั้งข้อมูลและ Essay ของเราให้หมดภายในรอบเดียวครับ
สิ่งที่ควรระวังในการกรอกใบสมัครออนไลน์ คือ ต้องกรอกทุกอย่างให้เสร็จภายในรอบเดียว และห้ามเปิดหน้ากรอกข้อมูลค้างไว้นานเกิน ไม่งั้นเราจะหลุดออกจากหน้าเว็บนั้น ทำให้ต้องเริ่มกรอกรายละเอียดใหม่ตั้งแต่เริ่มต้น
หลังจากจ่ายเงินค่าสมัครเสร็จ เราจะสามารถเข้าระบบการสมัครและส่งเอกสารการสมัครได้ สามารถส่งเอกสารตามที่กำลังจะกล่าวด้านล่างไปยังส่วนของเอกสารที่ใช้ในการสมัคร ไปในหน้าส่งเอกสารได้เลย หากส่งไม่ครบจะถือว่าสมัครไม่สำเร็จและจะไม่ได้รับเงินค่าสมัครที่จ่ายไปแล้วก่อนหน้าคืน
หมายเหตุ: ตอนสมัคร หน้าแรกจะมีให้เลือกสาขาที่สนใจ (Field of Interest) ไม่ใช่การเลือก Major ดังนั้นหากเลือกแล้วอยากเปลี่ยนไปเรียนอีกอันก็สามารถทำได้ช่วงก่อนขึ้นปี 2 เพราะในปีแรก นักเรียนทุกคนจะยังไม่มี Major (Undecided Major) สามารถเลือก Major ได้ตอนปี 2
เอกสารที่ใช้ในการสมัคร (สำหรับคนไทยที่ไม่มีเชื้อชาติและสัญชาติเกาหลี)
Required Documents
- High School Profile
ประมาณโบรชัวร์หรือเอกสารที่แนะนำโรงเรียนเราให้ทางมหาวิทยาลัยได้รู้จัก ซึ่งข้อมูลหลัก ๆ จะเป็น ข้อมูลทั่วไปของโรงเรียน เช่น วิสัยทัศน์ อันดับของโรงเรียนในประเทศ ผลงานของโรงเรียน เป็นต้น ซึ่งน้อง ๆ จะต้องขอเอกสารนี้จากโรงเรียนเองครับ (ให้โรงเรียนเป็นคนทำ)
- High School / University Transcript
ใบเกรดระดับชั้นมัธยมศึกษาตอนปลาย และ (สำหรับคนที่ขึ้นมหาวิทยาลัยแล้ว) ใบเกรดระดับปริญญาตรี
- English Proficiency Test Score Report
สำเนาผลคะแนนวัดระดับความสามารถทางภาษาอังกฤษ สามารถเลือกได้หนึ่งอย่าง โดยมีคะแนนตามเกณฑ์ ดังนี้ TOEFL iBT 83, TOEFL PBT (OLD) 560 (NEW) 63, TOEFL CBT 220, TEPS (OLD) 599, (NEW) 326, IELTS 6.5 and TOEIC Listening & Reading 720 หรือมากกว่า
หากน้องจบจากโรงเรียนที่มีการเรียนการสอนเป็นภาษาอังกฤษ ให้ทางโรงเรียนทำเอกสารรับรองเพื่อที่จะไม่ต้องส่งคะแนนภาษาอังกฤษ (ทั้งนี้ขึ้นอยู่กับทางมหาวิทยาลัยว่าจะรับรองหรือไม่ ทางที่ดีเราควรสอบ English Proficiency Test เองจะดีกว่า)
- Standardized Official Test Score Report
เลือกส่งอย่างน้อยหนึ่งอย่างระหว่าง SAT, SAT Subject, AP, IB, GCE A-Level, ACT, Certificate of International Olympiad และ high school leaving exam หรือ university entrance exam results
แต่ทางมหาวิทยาลัยเน้นย้ำมาว่า ต้องการคะแนน SAT Subject Test วิชา Math Level 2, Physics และ Chemistry (หรือ Biology) ดังนั้น ยื่นด้วยคะแนน SAT Subject Test จะดีที่สุดครับ
หมายเหตุ: เนื่องจากทางมหาวิทยาลัยไม่ได้กำหนดคะแนนขั้นต่ำ ฉะนั้นยิ่งคะแนนสูงมากเท่าไหร่ โอกาสติดก็จะสูงขึ้นตามครับ
- Passport or National ID Copy
สำเนาบัตรประชาชนหรือสำเนาพาสปอร์ต
- Statement of Financial Resources
ส่วนนี้จะมีให้เลือกว่าต้องการทุนจากทางมหาวิทยาลัย KAIST หรือมีทุนจากองค์กรหรือบุคคลภายนอกแล้ว นอกจากนี้จะมีให้เลือกรูปแบบการส่ง Statement of Financial Resources ซึ่งให้เลือกเพียง 1 รูปแบบเท่านั้น (ลองไปดูในหน้าเว็บการสมัครว่าปีนี้สามารถส่งแบบไหนได้บ้าง)
- One Recommendation Letter
อันนี้เราต้องไปหาครูหรืออาจารย์หนึ่งคนที่คิดว่ารู้จักตัวเรามากที่สุด เพื่อที่จะให้เค้าเขียนจุดแข็ง ข้อดีของเราให้มหาวิทยาลัยได้เห็น และไว้ใจว่าเด็กจะสามารถพัฒนาและทำประโยชน์ให้กับมหาวิทยาลัยได้ ซึ่งหลังจากเรากรอกแบบฟอร์มการสมัครออนไลน์เสร็จ ทางมหาวิทยาลัยจะส่งเมลไปหาครูตามที่อยู่เมลที่เรากรอกไปในแบบฟอร์มการสมัครออนไลน์
Optional
- Honors and Awards
ต้องเป็นผลงานช่วงมัธยมปลาย ทั้งระดับชาติและระดับนานาชาติ โดยใส่ได้มากสุด 5 ผลงาน และควรจะเป็นผลงานทางวิชาการ เช่น แข่งขันคณิตศาสตร์ระดับชาติ หรือนานาชาติ โครงงาน เป็นต้น
สำหรับคนที่มีเชื้อชาติหรือสัญชาติเกาหลี จะต้องส่งเอกสารตามด้านบนทั้งหมด และเอกสารเพิ่มเติม ได้แก่
- Certificate of Facts Concerning Entry & Exit issued by the Korean Immigration Office
- Loss of Korean Nationality
เพิ่มเติม
1. Essay
คำถามปีผมมี 5 คำถาม แต่ละข้อให้เขียนประมาณ 150-300 คำ โดยจะเหมือนการเขียน Personal Statement แบบสั้น ๆ โดยคำถามแรกจะถามเกี่ยวกับความฝันเรา และทำไมถึงเลือก KAIST เพื่อที่จะทำตามเป้าหมายที่เราฝันไว้ ส่วนที่เหลือจะเป็นประมาณให้เล่าเหตุการณ์ในชีวิตตามที่โจทย์ถาม
ผมแนะนำให้น้อง ๆ ใช้เวลากับการเขียนมาก ๆ พยายามคิด Outline ที่จะเขียนก่อน เขียนสิ่งที่เป็นตัวเรา ตอนเล่าเรื่องก็ไม่ควรเล่าว่าเราไปทำอะไรมาเฉย ๆ เราควรจะเขียนว่าเราได้อะไรจากสิ่งที่ทำมา มีประโยชน์อย่างไร ส่งผลต่อสิ่งที่เราตั้งใจจะเรียนหรือส่งผลต่อสิ่งที่โจทย์ถามมากน้อยแค่ไหน พยายามใส่ passion ไปเยอะ ๆ ครับ
2. การเตรียมคะแนนสอบ
สำหรับคะแนนที่ส่งไป ทางที่ดีคือต้องทำคะแนนให้ได้สูง ๆ (เต็มไม่ก็เกือบเต็ม) แต่ถ้าน้องคะแนนไม่สูงมาก ก็ยังมีโอกาสได้รับเข้าอยู่ หากผลงานทางวิชาการน้องโดดเด่นมาก ๆ คะแนนที่แนะนำให้ส่งแน่ ๆ คือ SAT Subject วิชา Math Level 2, Physics และ Chemistry ส่วนคะแนนอื่นเช่น AP สามารถส่งเพิ่มไปได้ทำให้ทางมหาวิทยาลัยพิจารณาเรามากขึ้น แต่จะส่งแค่ SAT Subject อย่างเดียวก็ได้
สำหรับคะแนนภาษาอังกฤษ ทางมหาวิทยาลัยจะดูแค่ว่าผ่านเกณฑ์หรือไม่เท่านั้น ไม่จำเป็นต้องทำคะแนนให้ได้สูงมาก ๆ เพื่อเป็นตัวชี้วัดเฉย ๆ ว่ามีทักษะภาษาอังกฤษพอที่จะสามารถเรียนที่มหาวิทยาลัยได้หรือไม่
3. Honors and Awards
ผลงานควรจะเป็นทางด้านคณิตศาสตร์และวิทยาศาสตร์ เช่นการแข่งขันโอลิมปิกวิชาการ การแข่งโครงงาน เป็นต้น ไม่จำเป็นต้องใส่ให้ครบ 5 อย่าง แต่แต่ละอย่างที่ใส่ต้องเป็นสิ่งที่มีน้ำหนักมากจริง ๆ เช่นหากน้องได้รับคัดเลือกเป็นผู้แทนประเทศแข่งโอลิมปิกจากทาง สสวท. (IMO, IPhO, IOI, IOAA และอื่น ๆ ) จะได้รับพิจารณาเป็นพิเศษ
4. Extracurricular Activities และ Work Experience
สำหรับ Extracurricular Activities หรือกิจกรรมนอกห้องเรียน ส่วนนี้ดูเหมือนจะมีน้ำหนักน้อยกว่าพวกคะแนนสอบ Essay และผลงาน (ตามสไตล์คนเกาหลีที่ให้เรื่องเรียนเป็นเรื่องสำคัญ) แต่ก็ควรจะมีใส่ไปบ้าง เช่น เข้าร่วมกิจกรรมทางสังคม เป็นหัวหน้าค่าย แข่งขันกีฬาระดับชาติ เป็นต้น
ส่วนเรื่องงานที่เคยทำ (Work Experience) หากไม่มีจริง ๆ ก็ไม่จำเป็นต้องใส่ครับ งานพวกนี้จะเป็นงานอะไรก็ได้ เช่น สอนพิเศษ หรือ internship โดยต้องมีคนที่จ้างเรารับรองด้วย
5. สอบสัมภาษณ์ (สำหรับคนที่ถูกเรียกให้ไปสอบสัมภาษณ์ )
ทางมหาวิทยาลัยหลังจากตรวจสอบข้อมูลผู้สมัครและพิจารณาเสร็จเรียบร้อยแล้ว ทางมหาวิทยาลัยจะแบ่งเด็กออกเป็น 3 กลุ่ม คือ กลุ่มที่ได้รับเข้าโดยที่ไม่ต้องสอบสัมภาษณ์ กลุ่มที่ไม่ได้รับเข้า และกลุ่มที่ทางมหาวิทยาลัยต้องการสัมภาษณ์เพิ่มเติมเพื่อประกอบการพิจารณาคัดเลือกเด็ก สำหรับกลุ่มหลัง ทางมหาลัยจะส่งเมลมาหา ส่วนอีกสองกลุ่มจะไม่ส่งเมลมา หากน้องไม่ได้เมลให้ไปสอบสัมภาษณ์ก็ไม่ต้องตกใจไปนะครับ ส่วนคนที่ถูกเรียกให้ไปสัมภาษณ์ ในวันสัมภาษณ์ กรรมการจะ Skype มาหา และสอบสัมภาษณ์โดยให้ทำโจทย์คณิตศาสตร์ เนื้อหาเกี่ยวกับหรืออาจจะปนเรื่องอื่น ๆ ที่เรียนในม.ปลาย โจทย์จะมีประมาณ 3 ข้อ ถ้าทำเสร็จเร็วจะสัมภาษณ์เรื่องทั่วไปเพิ่มเติมด้วยครับ
ข้อมูลอัพเดทเมื่อ 17 มิถุนายน 2563
หากมีข้อสงสัยสามารถติดต่อสอบถามหรือคอมเมนต์ ด้านล่างได้เลยครับ
ขอให้น้อง ๆ ทุกคนโชคดีกับการสมัครมหาวิทยาลัยครับ 😊
เว็บไซต์รับสมัคร: https://admission.kaist.ac.kr/intl-undergraduate/
ขอบคุณสำหรับข้อมูลมากๆเลยนะคะ เป็นประโยชน์มากเลยค่ะ แต่อยากทราบว่าแล้วsat subject ที่ว่าผ่านขั้นต่ำ ถ้าphysics ได้ประมาณ680 พอจะมีโอกาสมั้ยคะ;-; ขอบคุณค่ะ